ก่อนเปิดบ้านต้อนรับพวกพรี่ๆ - บอร์นมัธ ฟอร์มร้อนแรงแบบเกินห้ามใจ ไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีกมา 11 นัดติดต่อกัน ว่าแล้วผมมีอะไรจะบอก
1.คิดอยู่แล้ว และวิเคราะห์ตั้งแต่ก่อนเกมว่า
‘เดอะ เชอร์รี่’ ที่กำลังห้าวจะเล่นแบบ ‘กูไม่กลัวมึง’ หรือเรียกอีกอย่างว่า ‘ก๋ากั๋น’ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำด้วยประการทั้งปวงเพราะ ลิเวอร์พูล ชื่นชอบคู่แข่งที่ชวนทะเลาะไม่เลิก
แล้วก็เป็นจริงดังคาด แถวบ้านเรียกเข้าร่องตูด
- ทีมเจ้าบ้านเดินหน้าเข้าหาเลยนะครับ
บีบสูงพลางบดบี้เร็ว รูปเกมไม่ได้เป็นรองอะไรมาก เปอร์เซ็นต์การครองบอลใกล้เคียงกัน แต่สิ่งที่ผมเห็นคือเกมรุกของ บอร์นมัธ มักจะไปตาย ก่อนจะหาจังหวะจบเจอ
พวกเขาพยายามเจาะทางซ้ายของตัวเองเป็นพิเศษ เพื่อเล่นงาน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
จังหวะจบแบบหนักๆ พอมีบ้าง เมื่ออัดชนเสาไปหนึ่งดอก และอีกดอกหนึ่งตุงตาข่าย น่าเสียดายที่ล้ำหน้าซะก่อน
- เกมรุกของ ลิเวอร์พูล อาจไม่ต่อเนื่องอะไรมากมาย แต่บทจะได้ประตูก็มักจะได้แบบดื้อๆ
นั่นเพราะพวกพรี่ๆ เขามีความเชี่ยวชาญเรื่องการทำประตู
บอร์นมัธ เหมือนจะสู้ได้ ฉับพลัน ‘หงส์แดง’ วางบอลยาวจังหวะเดียวไปหลังไลน์ โคดี้ คักโป หลุด ก่อนถูกสะกิดข้างหลังจนเสียหลัก
ผู้ตัดสินไม่ลังเลที่จะให้จุดโทษ
บทจะได้ประตูก็ได้แบบไม่จำเป็นต้องบุกกระหน่ำ เห็นไหมครับ ขอเพียงคู่แข่งอย่าอุด
4.เมื่อเป็นฝ่ายตามหลังในครึ่งแรก เจ้าบ้านพยายามเพิ่มระดับความเจ้มจ้นของเกมรุกให้มากขึ้นในครึ่งหลัง
‘เดอะ เชอร์รี่’ ควรจะตีเสมอได้จากจังหวะซ้ำจ่อๆ ของ จัสติน ไคลเวิร์ต
จังหวะนี้เสียหายหลายแสน ต่อเมื่อพลาดแบบไม่น่าพลาด ต่อเมื่อมีโอกาสแล้วทำไม่ได้ จึงถูกลงโทษไปตามระเบียบ
ประตู 2-0 ก็มาจากจังหวะสวนกลับ และความสามารถพิเศษในการยิงของ โม ซาล่าห์
จบข่าวเลย !!!
- ความแตกต่างของทั้ง 2 ทีมคือความเด็ดขาด
บอร์นมัธ มีโอกาสแล้วเอามันไปยัดลงชักโครก ผิดกับ ลิเวอร์พูล ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าก็เท่านั้นเอง
ถ้าคุณจะก๋ากั่นกับ ลิเวอร์พูล พลังทำลายของคุณต้องสูงส่ง มิเช่นนั้นมันก็จะเป็นเช่นนี้แล
ใครบางคนบอกผมว่าต่อให้ บอร์นมัธ เน้นเกมรับก็อาจจะไม่รอด
เข้าใจครับ และไม่เถียง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือลูกทีมของ อันโดนี่ อีไรโอล่า เปิดเกมรุกเข้าใส่ด้วยความมั่นใจตามสไตล์ของตัวเองแล้วมันดันพังพาบแบบคาบ้าน